Title : ห้องปิดตาย 1
Pairing : น่าจะ(?) Ookanehira/Uguisumaru
Fandom : Touken Ranbu
Note : เป็นอารมณ์ชั่ววูบจากการเล่น shindanmaker ค่ะ…
.
“ท่านอุกุยสุมารุ ท่านโอคาเนะฮิระ นายท่านเรียกหาน่ะครับ” ฮิราโนะ โทชิโร่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาสองผู้อาวุโสที่กำลังนั่งจิบชากินขนมอยู่ตรงระเบียงทางเดิน(แต่ดูเหมือนโอคาเนะฮิระจะเอาแต่แย่งกินขนมอย่างเดียวมากกว่า)
“นายท่านได้บอกไหมว่ามีอะไรหรือเปล่า?” ดาบรุ่นพี่จากสำนักโคบิเซ็นถามเสียงเนิบ
“เอ่อ…นายท่านบอกแค่ว่าวันนี้เหงาๆเลยอยากชวนท่านทั้งสองไปนั่งคุยด้วยที่ห้องน่ะครับ”
สองพี่น้องโคบิเซ็นมองหน้ากัน
“เหงาเหงออะไรกัน มีคนเดินอยู่เต็มไปหมด” โคบิเซ็นคนน้องว่า รู้สึกไม่ชอบมาพากล ปกติเจ้านายคนนี้มักมีตรรกะประหลาดเหตุผลแปลกๆอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าจะแปลกขนาดนี้
อุกุยสุมารุยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกสุดท้ายแล้ววางแก้วลงบนถาดข้างตัว “เอาเถอะ ถ้านางเรียกหาเพราะอยากคุยก็ทำตามนั้นเถอะ คงจะเหงาจริงๆน่ะนะ”
ฮิราโนะรีบกุลีกุจิเข้ามาเก็บชุดน้ำชาให้ สองพี่น้องจึงลุกเดินขึ้นไปบนห้องพักประจำของซานิวะ ซึ่งโอคาเนะฮิระก็เอาแต่บ่นไม่หยุดตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัยแปลกๆของเจ้านายคนปัจจุบันหรือแม้กระทั่งความไม่ไว้วางใจในวันนี้
“ขี้บ่นจริง” อุกุยสุมารุฟังเพลินแล้วพูดออกมาสั้นๆสามพยางค์
“ว่าไงนะ” คนถูกหาว่าขี้บ่นเสียงสูงขึ้นอย่างไม่พอใจ ทำท่าจะว่าต่อแต่ถูกคนเสมือนเป็นพี่ชายยกมือเป็นเชิงห้ามเอาไว้เมื่อทั้งคู่มาถึงหน้าห้องซานิวะแล้ว
“นายท่าน พวกข้าเข้าไปนะ” กล่าวเสร็จมือก็เลื่อนบานประตูเปิดออก ในตอนนั้นเองร่างของสองพี่น้องก็ถลันเข้าห้องไปราวกับถูกมือกระชาก
ภายในห้องมืดสนิทจนน่าแปลกใจ เหยื่อทั้งสองจึงรู้ตัวว่าโดนเจ้านายเล่นอะไรแปลกๆเข้าให้แล้ว
“เนี่ย เนี่ย! เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่ผิดเลย!” คนเซ้นส์ดีโวยวายท่ามกลางความมืดแล้วหันไปดุคนข้างตัว
“นายก็ยังมาหาตามคำสั่งอยู่ได้!”
“ฉันอยู่นี่ต่างหาก โอคาเนะฮิระ” เสียงเนิบดังจากอีกข้าง โชคดีที่ภายในห้องมืด อุกุยสุมารุจึงไม่มีโอกาสเห็นหน้าแดงๆของน้องชายในตอนนี้ ดาบผู้งดงามเสมอดาบใต้หล้าส่งเสียง ‘ชิ’ ก่อนจะแปะป่ายมือไปรอบๆ คลำผนังเพื่อหาประตูทางออก น่าแปลกที่ตำแหน่งซึ่งโอคาเนะฮิระมั่นใจว่าเป็นประตูที่เข้ามาเมื่อครู่บัดนี้กลับเป็นฝ้าแข็งๆไร้ทางออกเสียแล้ว
“โอคาเนะฮิระ อุกุยสุมารุ” เสียงที่สามดังขึ้น
เสียงของซานิวะแน่นอน
คนปากไวกว่ามือพลันตะโกนออกไปทันที “เฮ้ย! เธอเล่นอะไรอยู่เนี่ย ปล่อยพวกฉันออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ”
เสียงนั้นไม่ตอบคำถามโอคาเนะฮิระแต่ดังต่อเหมือนถูกตั้งระบบเอาไว้
“ทั้งสองคนจะออกจากห้องปิดตายนี้ได้ก็ต่อเมื่อถอดเสื้อผ้าออกให้หมด จำกัดเวลาสิบสองชั่วโมงตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป”
……
…
“อะไรเนี่ย!” หลังจากอึ้งกับคำสั่งไปห้าวิ คนจุดเดือดต่ำก็โวยวายออกมาในที่สุด “คำสั่งแบบนี้ใครมันจะไปทำตาม บอกให้เดินหกสูงรอบฮงมารุยังดูเข้าท่ากว่าอีก”
“ทำไมต้องเสียงดัง ห้องแค่นี้เอง” ดาบสายศิลปะกล่าวเสียงระอาพลางถอนหายใจ “ถ้านางสั่งให้เธอเดินหกสูงจริงๆจะตามหรือไงกัน”
“ไม่ทำ…” ดาบสองพี่น้องจากสำนักโคบิเซ็นเถียงกันในความมืดอยู่ครู่ใหญ่ อุกุยสุมารุจึงเป็นฝ่ายเลิกก่อน
“เถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไม่สู้มาช่วยกันหาทางออกจากห้องปิดตายที่ว่านี้เร็วๆดีกว่านะ”
โอคาเนะฮิระส่งเสียงฮึดฮัด “นายก็พูดง่ายนี่อุกุยสุมารุ แก่แล้วหูตึงไม่ได้ยินคำสั่งตะกี้รึไง”
ให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเนี่ยนะ ตลกสิ้นดี
“ขี้บ่นจริง” คนเป็นพี่เอ่ยอีกรอบ ท่าทางของอุกุยสุมารุดูเรื่อยๆเหมือนไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก คล้ายว่าถ้าเขาให้ทำอะไรก็ทำแค่นั้นเอง ทว่าในใจเจ้าตัวกลับคิดอะไรให้วุ่นไปหมดว่าจะหาทางออกอย่างไรดีโดยไม่ต้องทำตามเงื่อนไขดังกล่าว
ดาบสายศิลปะลองไล่คลำผนังหาประตูบ้าง ทว่าจังหวะหนึ่งเจ้าตัวดันสะดุดเข้าปึ้กเข้ากับวัตถุบนพื้น ร่างเลยล้มคะมำลงไป
โอคาเนะฮิระอุทาน “เฮ้ยๆ อุกุยสุมารุ เป็นอะไรไป! นายอยู่ตรงไหนเนี่ย”
อุกุยสุมารุลูบแขนตัวเองป้อยๆแล้วเอ่ยสบายๆ “แค่ล้มเอง ไม่มีอะไรหรอก มันมืดไปหน่อยก็งี้ล่ะ”
โอคาเนะฮิระควานหาร่างพี่ชายอยู่นานกว่าจะเจอ ทัศนวิสัยแบบนี้ทำให้เขาไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดเลย
วงแขนแข็งแรงกว่าคว้าเอวสอบของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วค้างอยู่อย่างนั้นไม่ให้ขยับตัวห่างไปไหนอีก
“อย่าซน”
“เฮ้อ ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว” อุกุยสุมารุกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจางๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไปมากกว่านี้ เขากวาดสายตาไปรอบๆพบว่าไร้ประโยชน์ ประตูก็ไม่รู้อยู่ไหน จึงกลับมาคิดถึงเงื่อนไขเดิมอีกครั้ง
อุกุยสุมารุกระแอมเบาๆ “บางทีน่ะนะ…ก็คงต้องทำตามที่เขาว่าจริงๆ….”
โอคาเนะฮิระได้ยินเลยทำหน้าเหมือนเหม็นอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นหน้าเขาตอนนี้หรอก
“เอาจริงดิ คนอย่างนายจะทำแบบนั้นจริงๆดิ?”
“ไม่งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ” โคบิเซ็นคนพี่ว่าขณะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเบียดเข้าหาอกของโคบิเซ็นคนน้องที่ตัวสูงกว่า แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน เสียดายตอนนี้ร้อนไปหน่อย ถ้าได้อยู่แบบนี้ตอนหนาวๆแล้วจิบชาร้อนๆไปด้วยล่ะก็…
“จำกัดเวลาสิบสองชั่วโมง เธอจะรอจนมันครบกำหนดเวลาไหมล่ะ”
“ไม่รอ”
“ฉันก็ไม่รอ” อุกุยสุมารุซบจนพอใจจึงดิ้นยุกยิกให้ออกจากแขนอีกฝ่าย “แค่รอเธอก็นานเกินพอแล้ว เอาล่ะ มาถอดกันเถอะ”
โอคาเนะฮิระจำต้องคลายวงแขนตัวเองออก เจ้าตัวถอนหายใจเฮือกอย่างเซ็งๆ “อย่าพูดจาน่ากลัวเหมือนเจ้ามุรามาสะคนนั้นได้ไหม”
อุกุยสุมารุหัวเราะ
“ว่าแต่…ไอ้ที่บอกว่าถอดให้หมดเนี่ย…มันต้องหมดแค่ไหนกันล่ะ” โคบิเซ็นคนน้องว่าพลางครุ่นคิดหนัก
“คงไม่ถึงกับถอดจนเกลี้ยงกระมัง…” คนเป็นพี่เอ่ยเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจ เขาตัดสินใจถามออกไปในความมืด
“พวกข้าต้องถอดให้หมดจริงๆเหรอ?”
“ถูกต้อง”
“เกือบหมดแทนได้ไหม ถ้าต้องถอดหมดจริงๆมันไม่สวยงามเลย”
อุกุยสุมารุกำลังต่อรองเจ้านายอยู่นั่นเอง
“…………………….”
“ถือซะว่าทำเพื่อน้องชายข้าก็ได้ แค่นี้เขาก็อับอายขายขี้หน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว”
“นี่!” คนอับอายตะโกนเสียงสูง
“ทั้งสองคนจะออกจากห้องปิดตายนี้ได้ก็ต่อเมื่อถอดเสื้อผ้าออกเกือบหมด จำกัดเวลาสิบสองชั่วโมง”
“ขอบคุณ” อุกุยสุมารุคลี่ยิ้มแล้วเริ่มรูดซิปเสื้อวอร์มตัวเองลง ฝ่ายโอคาเนะฮิระเมื่อได้ยินเสียงรูดซิปเสื้อก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“ด..เดี๋ยวสิ นายกำลังทำอะไรน่ะห๊ะ!”
หากห้องนี้ไม่มืด โอคาเนะฮิระคงได้เห็นสีหน้าของอุกุยสุมารุที่มองมาประมาณว่า ‘ทำไมถามอะไรโง่จัง’
“เด็กโง่ ก็กำลังจะถอดเสื้อไงเล่า จะโวยวายไปทำไม ปกติตอนอยู่ในห้องก็เปลี่ยนด้วยกันไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“ม…ไม่ใช่!…แค่…นายจะถอดตรงนี้จริงๆน่ะเหรอ?” ปกตินายน่ะไม่เป็นไร แต่ฉันน่ะเป็น! เอวคอดๆนั่น ตัวเพรียวๆนั่น…บ้าเอ๊ย
“ไม่ให้ถอดตรงนี้จะให้ถอดตรงไหน อย่าถามอะไรโง่ๆสิ โอคาเนะฮิระ”
“เงียบไปเลย ชิ…ถอดก็ถอด” คำพูดส่วนสุดท้ายเสียงค่อยลงเหมือนพูดกับตัวเอง จากนั้นก็จัดการถอดเสื้อวอร์ม เสื้อยืดข้างในกับกางเกงวอร์มออกพรวดๆอย่างรวดเร็ว
“นี่ แขนเสื้อเธอมันสะบัดโดนหน้าฉัน” คนตัวเล็กกว่าประท้วงขณะถอดกางเกงวอร์มออก บัดนี้สองพี่น้องโคบิเซ็นได้ถอดเสื้อผ้าออก‘เกือบ’หมดเป็นที่เรียบร้อย เหลือแค่กางเกงด้านในเพียงตัวเดียว อุกุยสุมารุหัวเราะเสียงแผ่ว ส่วนโอคาเนะฮิระนั้นหน้าร้อนฉ่าไปหมด
โอคาเนะฮิระคิดว่าจะต้องไม่มองอีกฝ่ายเด็ดขาด ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีสัญญาณบอกให้ออกจากห้องได้เขาจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วพุ่งออกไปทันที ทันใดนั้นเอง
“ทำตามเงื่อนไขเสร็จสิ้น ยินดีด้วย ออกจากห้องได้” ราวกับมีมือผลักให้ร่างทั้งสองถลันไปข้างหน้า ประตูที่จู่ๆก็หายไปกลับมาเปิดออกเหมือนเดิม แสงสว่างปรากฏในครรลองสายตาสองพี่น้องอีกครั้ง โอคาเนะฮิระที่ไม่ทันตั้งตัวจึงเห็นเข้าไปเต็มๆ
ทั้งร่างเนื้อเพรียวๆของพี่ชายที่ได้สัดส่วน และยิ่งไปกว่านั้นคือร่างของหนึ่งในห้าดาบใต้หล้าที่ใครๆมักเรียกกันว่า‘คุณปู่’ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าและมีสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน ไม่กล่าวอะไรนอกจาก
“โอ้……”
“อ้าว มิคาสึกิหรือ?” อุกุยสุมารุอุทานยิ้มๆไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสภาพตัวเอง
ในตอนนั้นดาบผู้งดงามเสมอดาบใต้หล้าอย่างโอคาเนะฮิระจึงแผดเสียงร้องออกมาอย่างอับอายเป็นที่สุด
หลังมือเย็นผ่านพ้นไป ดาบหลายๆคนจึงแยกย้ายกันกลับห้อง บ้างก็เอกเขนกต่อที่ห้องโถง บ้างตั้งวงก๊งเหล้าไม่ก็ไปอาบน้ำ ด้านดาบสองพี่น้องโคบิเซ็นหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็กลับเข้าห้องไม่ได้ออกไปข้างนอกอีก โอคาเนะฮิระหยิบดาบตนเองออกมานั่งดูแล ส่วนอุกุยสุมารุนั่งขีดเขียนบันทึกเล่มเขียวอยู่ใกล้ๆ
อุกุยสุมารุสังเกตเห็นสีจางๆบนโหนกแก้มน้องชายจึงเอ่ยถามแบบกลั้นขำ
“เป็นอะไรไปโอคาเนะฮิระ ยังโกรธมิคาสึกิอยู่อีกเหรอ”
“ชิ”
คนเป็นพี่ส่ายหน้าอย่างระอาปนอ่อนใจ ปากว่ามือพลางเขียนบันทึกไปด้วย “เอาน่า จะโกรธเขาทำไม มิคาสึกิไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเธอเสียหน่อย แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่ามิคาสึกิจะเอาสิ่งที่เห็นไปปากโป้งบอกใคร เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนพูดมาก”
“ใครมันจะรับได้ อับอายขายขี้หน้าต่อห้าดาบใต้หล้า บ้าชะมัด แย่ที่สุด” แถมหมอนั่นยังเห็นนายเกือบล่อนจ้อนด้วยนะเว้ย! ใจคอจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยจริงๆเรอะ!
“ยึดติดกับห้าดาบใต้หล้าเหลือเกินนะเธอน่ะ” คนเป็นพี่ถอนหายใจแล้วยกมือขยับคอเสื้อพัดขึ้นลงบรรเทาร้อน โอคาเนะฮิระที่หวาดระแวงจนขึ้นสมองรีบหันขวับ
“นี่! จะทำอะไร จะถอดอะไรอีก”
“แค่จะพัดเพราะร้อนเฉยๆ เธอเป็นอะไรเนี่ย?”
โคบิเซ็นผู้น้องเบือนหน้าหนี หันดาบไปทางอื่น ปล่อยให้ผู้พี่จ้องมองแผ่นหลังอย่างไม่เข้าใจ
…..
“เข้าใจแล้ว…วันนี้เธอคงหงุดหงิดมากจริงๆ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งอุกุยสุมารุก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเนิบนาบ มือปิดสมุดบันทึกเก็บเข้าที่แล้วลุกไปขนที่นอนออกมาปู โอคาเนะฮิระอ้ำๆอึ้งๆสลับกับถอนหายใจอย่างงุ่นง่านก่อนจะรีบเก็บดาบแล้วไปนั่งอยู่ข้างๆพี่ชายที่สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มพร้อมหลับตาลงเป็นที่เรียบร้อย
“นี่ ลุกมาคุยกันก่อน เป็นอะไรอีกล่ะ”
“ไม่ได้เป็น แค่จะนอน” อุกุยสุมารุตอบโดยไม่ลืมตา สีหน้าคนฟังดูไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิด
“บอกเด็กเด็กยังรู้เลยว่าโกหก…โกรธรึไง?” โอคาเนะฮิระถามเสียงอ่อน
“ไม่ได้โกรธ ฉันจะโกรธไปทำไม แค่เห็นเธออารมณ์ไม่ดีเลยไม่คุยต่อแค่นั้นเอง ชวนคุยต่อจะพาลหงุดหงิดกว่าเดิมเปล่าๆ” เงียบไปชั่วครู่แล้วกล่าวต่อ “จะนอนเมื่อไหร่ก็ดับไฟให้ด้วยล่ะ”
คนเป็นน้องเห็นพี่ชายเงียบไปจึงคิดว่าอีกฝ่ายหลับไปเรียบร้อย เจ้าตัวดับไฟแล้วกลับมานั่งขัดสมาธิทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแล้วคำรามฮึดฮัดในลำคอด้วยความขัดใจ
“ก็………..” โอคาเนะฮิระถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ก็แค่อายเฉยๆ หุ่นนายตอนถอดเสื้อมันดูดีขนาดนั้น แย่ชะมัด พูดอะไรไปเนี่ย…แล้วก็…ไม่ชอบที่ตาแก่นั่นมาเห็นนายในสภาพนั้นด้วย”
ถึงจะใช้เวลาเรียบเรียงคำพูดพอสมควรแต่สุดท้ายโอคาเนะฮิระถ่ายทอดความในใจออกมาได้หมด ความอัดอั้นตันใจเลยหายไปมากโข สีหน้าเคร่งดุเป็นนิจดูผ่อนคลายกว่าเดิม
“ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”
“……………………”
“…………………….”
“นายไม่ได้หลับแล้วเรอะ!” โอคาเนะฮิระเข้าขั้นช็อกไปเลย คนที่แกล้งหลับเมื่อครู่เลยอดขำไม่ได้
“ขอโทษๆ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่รู้จริงๆว่าทำไมเธอถึงหงุดหงิด”
“ชิ……….” โอคาเนะฮิระยกมือปิดหน้าตัวเองอย่างงุ่นง่าน อุกุยสุมารุเลยถามต่อเสียงละมุนอย่างเอ็นดู
“อายฉันตอนถอดเสื้อผ้าหรือ?”
“……เออ…”
“ไม่ชอบให้ใครเห็นฉันตอนถอดหรือ?”
“…..เออ…”
นกไนติงเกลคลี่ยิ้ม ขยับลุกขึ้นนั่งแล้วเอนตัวไปกอดเอวน้องชายของตน คนถูกกอดเอวเห็นดังนั้นจึงห้ามใจไม่ได้ มือตวัดเกี่ยวเอวพี่ชายล้มกลิ้งไปบนที่นอนฝั่งตัวเองก่อนจะรั้งกอดไว้แนบลำตัว
“อย่าไปถอดผ้าถอดผ่อนให้ใครเห็นอีกนะ”
“อือฮึ”
“ให้ฉันเห็นตัวก้างๆของนายคนเดียวก็พอแล้ว”
อุกุยสุมารุหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยิน ชินเสียแล้วกับความเอาแต่ใจของน้องชาย มือขยับกอดตอบเช่นกันทั้งยังเอาหน้าไปซุกตรงมุมโปรดของตัวเองด้วยก่อนจะหลับตาลง
“อือฮึ ให้เธอเห็นคนเดียวก็ได้”
“…..ฝันดี อุกุยสุมารุ”
“ฝันดีเช่นกัน โอคาเนะฮิระ”
เป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆค่ะ…/นี่เราทำอะไรลงไปฟฟ จริงๆโจทย์ใน shindan ใช้คำว่าแก้ผ้าด้วยค่ะ ในนี้เลยเปลี่ยนเป็นถอดให้หมดแทนเพื่อลดความรุนแรงของการใช้คำ(?) คาแรกเตอร์ตัวละครที่เราตีความในมุมมองเราก็จะประมาณนี้ ไม่มั่นใจว่าจะ ooc ไปรึเปล่า/พยายามระวังแล้ว แง
เป็นคู่ที่ชอบมากคู่นึงในแฟนด้อมนี้เลยค่ะ ความพี่ชายเรียบร้อยกับน้องชายขี้โวยวายนี้ y////y